731 จำนวนผู้เข้าชม |
Timeline การเดินทางหมายถึงการแสดงผลข้อมูลประวัติการเดินทางของเครื่องมือต่างๆ เช่น แผนที่ออนไลน์ แอปพลิเคชันต่างๆ หรือบริการต่างๆ ซึ่งสามารถเช็กประวัติการเดินทางของผู้ใช้งานได้ ซึ่งการแสดงผลข้อมูลประวัติการเดินทางนี้สามารถเปิดหรือปิดได้ตามที่ผู้ใช้งานต้องการโดยมีวัตถุประสงค์หลักในการใช้งานเพื่อเช็กสถานะการเดินทางของตนเองหรือผู้อื่น ในบางกรณีอาจมีการใช้งานฟีเจอร์นี้เพื่อเช็กสถานะเด็กหรือผู้สูงอายุที่อยู่ในความดูแลของผู้ใช้งานอีกด้วย
หากต้องการเช็ก Timeline การเดินทางของคุณหรือบุคคลที่คุณรัก คุณสามารถใช้บริการ Google Maps Timeline ได้ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ให้คุณดูประวัติการเดินทางของคุณหรือแฟนของคุณในแต่ละวัน โดย Google Maps จะบันทึกข้อมูลการเคลื่อนไหวผ่านทาง GPS และเครือข่ายเซลล์โทรศัพท์มือถือ และแสดงผลข้อมูลนี้เป็นแผนที่ที่เห็นได้ชัดเจนโดยอาจระบุได้ว่าคุณได้เดินทางไปยังสถานที่ไหน วันที่ไหน และเวลาไหน
แอปพลิเคชันหลายตัวที่สามารถช่วยให้เราเช็กได้ถึงประวัติการเดินทางหรือแผนที่การเดินทางของเราได้ ดังนี้
1. Google Maps: เป็นแอปพลิเคชันแผนที่ที่รองรับการเช็กประวัติการเดินทาง โดยเมื่อเปิดใช้งานฟีเจอร์ Location History ของ Google ผ่านบัญชี Google ของคุณ แอปพลิเคชันจะบันทึกและเก็บประวัติการเดินทางของคุณเอาไว้ โดยเราสามารถดูประวัติการเดินทางของเราได้ทั้งวันนี้และวันก่อนหน้าได้ผ่านเมนู Your Timeline ภายในแอปพลิเคชัน Google Maps
2. Facebook: เป็นแอปพลิเคชันโซเชียลมีเดียที่สามารถเช็กประวัติการเดินทางของเราได้ผ่านฟีเจอร์ Location History ที่เปิดใช้งานในแอปพลิเคชัน Facebook โดยจะแสดงแผนที่ประวัติการเดินทางและสถานที่ที่เราไปเป็นระยะเวลาหนึ่ง
3. Life360: เป็นแอปพลิเคชันติดตามตำแหน่งและประวัติการเดินทางของสมาชิกในครอบครัว โดยสามารถดูตำแหน่งปัจจุบันและประวัติการเดินทางได้ผ่านแผนที่ภายในแอปพลิเคชัน Life360
4. GPS Tracker: เป็นแอปพลิเคชันที่ช่วยให้ผู้ใช้ติดตามตำแหน่งและเช็กประวัติการเดินทางของตนเองหรือผู้ใช้งานอื่นๆ ได้
ในการเปิดใช้งาน Google Maps Timeline คุณต้องเปิดการเก็บข้อมูลตำแหน่งของคุณหรือแฟนของคุณบน Google Maps โดยไปที่การตั้งค่าของ Google Maps และเปิดใช้งานฟีเจอร์ Location
ฟีเจอร์ Location หมายถึงการเปิดใช้งานบริการการระบุตำแหน่งที่ตั้งของอุปกรณ์ที่ใช้งานอินเทอร์เน็ต เพื่อให้แอปพลิเคชันหรือบริการต่างๆ สามารถระบุตำแหน่งปัจจุบันของผู้ใช้งานได้ ซึ่งฟีเจอร์นี้มีประโยชน์ในการใช้งานแอปพลิเคชันหลากหลาย เช่น แอปพลิเคชันเส้นทางการเดินทาง (เช่น Google Maps) หรือแอปพลิเคชันโซเชียลมีเดีย (เช่น Instagram) ที่ต้องการแสดงตำแหน่งปัจจุบันของผู้ใช้งาน
การเปิดใช้งานฟีเจอร์ Location ขึ้นอยู่กับระบบปฏิบัติการและอุปกรณ์ที่ใช้งาน เช่น ในระบบ iOS ของ Apple สามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์ Location ได้ผ่านการตั้งค่าในหน้า Settings ของอุปกรณ์ ส่วนในระบบ Android ของ Google สามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์ Location ได้ผ่านการตั้งค่าในหน้า Settings ของอุปกรณ์ หรือผ่านการเปิดใช้งานบนแอปพลิเคชันต่างๆที่ใช้งานบนอุปกรณ์ของคุณ อย่างเช่น Google Maps, Facebook, Twitter และอื่นๆ